ซิซซ์เล่อร์ สยามปรับโฉมใหม่ เหมาะกับคนทำงานยุคนิวนอร์มอล
นั่งยาว-ลดการสัมผัสคนและหุ่นยนต์น่ารักคอยเสิร์ฟ
หากใครที่ผ่านไปย่านสยามเซ็นเตอร์บ่อยๆ เราจะเห็นซิซซ์เล่อร์ มีการปิดปรับปรุงอยู่พักนึง เพื่อปรับโฉมหน้าร้านและขยายพื้นที่ในการจัดที่นั่งให้ห่างกันมากขึ้น ซึ่งนอกจ้างสองเรื่องนี้แล้ว ยังมีการปรับรูปแบบของร้านให้เข้ากับวิถีชีวิตของคนยุคใหม่มากขึ้น
ทั้งการจัดโซนสำหรับนั่งทำงานคนเดียวและชาร์จอุปกรณ์เพื่อทำงานได้อย่างไม่มีสะดุด หรือหากจะมีการประชุมคุยงานกับแบบกลุ่มเล็กๆ นอกสถานที่ก็จะมีโต๊ะยาวให้นั่งคุยงานได้เช่นกัน รวมทั้งมีโซนเครื่องดื่มน้ำผลไม้สกัดและสลัดเพื่อให้คนรักสุขภาพสามารถซื้อกลับไปทานที่บ้านได้
นอกจากนี้ การเข้ามานั่งทำงานที่นี่จะมีหุ่นยนต์ต้อนรับ พาไปนั่งที่โต๊ะและเสิร์ฟอาหาร แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นไม่มีพนักงานคอยอยู่ประจำให้อุ่นใจเลย แค่น้องสไปซี่ น้องซีซาร์และน้องชีส จะช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องของการทำงานแบบเดิมซ้ำๆ ทำให้พนักงานสามารถบริการลูกค้าตามความต้องการอื่นๆ ได้ดีขึ้น
ในปี 2564 ซิซซ์เล่อร์เดินหน้าปักธงการให้บริการที่มุ่งเน้นการรักษาสุขลักษณะที่ดี สะอาด ปลอดภัย ตลอดจนดึงเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์มาให้บริการ เพื่อส่งมอบความประทับใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าในทุกสถานการณ์
“เราผ่านจุดที่น่าวิตกเพราะโควิด-19 มาแล้ว ตอนนี้จึงมีแผนรับมือรอบด้านไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาก็ยังสามารถเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้ เราจึงไม่มีเป้าหมายว่าจะเดินหน้าซิซซ์เล่อร์ไปในทางไหน นอกจากเน้นเรื่องความสะอาด ปลอดภัย มีภาพลักษณ์ที่ทันสมัยตอบโจทย์ยุคนิวนอร์มอลแต่ก็ไม่ทิ้งมาตรฐานของเรา”
แม้ว่าเราจะมีการนำหุ่นยนต์เข้ามาเสริมเรื่องของการเสิร์ฟอาหาร บริการลูกค้าแต่ก็ไม่ได้ทิ้งพนักงานที่เป็นคน โดยในสาขาสยามยังมีพนักงานอยู่ 20 คน ครึ่งหนึ่งเป็นพนักงานทำอาหาร ส่วนที่เหลือยังให้บริการลูกค้า รับออเดอร์ทั้งออนไลน์และหน้าร้าน รวมถึงคอยดูแลภาพรวมของร้าน นั่นแสดงว่าพนักงานของเราจะถูกเทรนนิ่งให้มีความสามารถมากขึ้น
คุณนงชนก สถานานนท์ ผู้ช่วยรองประธานบริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด ใน เครือ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการร้านอาหารภายใต้แบรนด์ ซิซซ์เล่อร์ กล่าวเสริมว่า ซิซซ์เล่อร์ ทุกสาขามุ่งเน้นเรื่องมาตรฐานความสะอาด ปลอดภัย โดยล่าสุดทุกสาขาที่ให้บริการ ได้รับการรับรอง SHA หรือ มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (Amazing Thailand Safety & Health Administration)
โดยผ่านเกณฑ์มาตรฐานเบื้องต้นจากกรมควบคุมโรค ประกอบด้วย 1. สุขลักษณะอาคารและอุปกรณ์เครื่องใช้ที่มีอยู่ในอาคาร 2. การจัดอุปกรณ์ทำความสะอาดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค และ 3. การป้องกันสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
ล่าสุด ซิซซ์เล่อร์ได้เปิดตัว นวัตกรรมหุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารอัจฉริยะ 3 ตัว ได้แก่ “น้องสไปซี่ น้องซีซาร์ น้องชีส” พร้อมให้บริการเสิร์ฟสุดประทับใจ โดยแนวคิดของการนำนวัตกรรมดังกล่าวมาใช้ เพื่อตอบสนองสถานการณ์ในปัจจุบันที่ยังต้องเว้นระยะห่างทางสังคม และลดการปนเปื้อนระหว่างสัมผัส สานต่อมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย
ทั้งนี้ เหล่าน้อง ๆ หุ่นยนต์จะมาทำหน้าที่สำคัญในการดูแลลูกค้าเสมือนเป็นพนักงานอีกคนหนึ่ง ที่พร้อมจะให้บริการเหล่าลูกค้าตั้งแต่การพาลูกค้าไปส่งที่โต๊ะ เสิร์ฟอาหาร รวมถึงเก็บจาน และยังสามารถร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดให้กับลูกค้าในวันพิเศษได้อีกด้วย
โดยจะพร้อมนำร่องให้บริการที่ร้านอาหารซิซซ์เล่อร์ สาขาสยามเซ็นเตอร์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ ซิซซ์เล่อร์ยังเตรียมดึงเทคโนโลยีอัจฉริยะมาเป็นส่วนหนึ่งในการให้บริการ คือ “ระบบแจ้งเตือนการสั่งอาหารอัจฉริยะ” (Smart alarm order)
ลูกค้าสามารถกดปุ่มเรียกพนักงานจากโต๊ะอาหาร และระบบจะแจ้งเตือนไปยังนาฬิกาอัจฉริยะ (Smart watch) ของพนักงานที่อยู่ในระยะใกล้ที่สุด เพื่อการให้บริการที่รวดเร็ว และไม่ซ้ำซ้อน ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้
เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาการให้บริการของซิซซ์เล่อร์ในปี 2564 ที่มุ่งเน้นการ สร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจให้แก่ลูกค้า ตลอดจนการส่งมอบบริการที่ให้ความสะดวกสบาย และความประทับใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า
คุณสุกัญญา วนิชจักร์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทาง วันทูวัน คอนแทคส์ ได้มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมหุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารอัจฉริยะ เพื่อช่วยยกระดับอุตสาหกรรมการบริการสู่อีกขั้นของ มาตรฐานความสะอาดปลอดภัยที่ดี ตลอดไปจนถึง การเพิ่มประสิทธิภาพของฝ่ายปฏิบัติการ
ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้จะมาตอบโจทย์การบริการให้กับร้านอาหาร และ ช่วยแบ่งเบาหน้าที่ที่ซับซ้อนต่าง ๆ ของพนักงานร้าน โดยฟังก์ชันการใช้งานของ นวัตกรรมหุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารอัจฉริยะ
“บริษัทมีหุ่นยนต์สำหรับให้บริการในแง่ของงานบริการและงานทำความสะอาด ซึ่งก่อนหน้านี้มีการนำไปทดลองใช้ในโรงพยาบาลคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 (State Quarantine) และมีการผลักดันให้หลายธุรกิจนำหุ่นยนต์ไปใช้งาน”
ก่อนหน้านี้ แรงงานที่เป็นคนอาจจะมีความกังวลว่าจะถูกเข้ามาทดแทนในเรื่องของการทำงานรูปแบบเดิม แต่ในความเป็นจริงแล้ว หน้าที่ของหุ่นยนต์นั้นเป็นการเข้ามาเติมเต็มให้พนักงานได้ไปทำหน้าที่อื่นๆ ที่ดีขึ้น
ทางด้านของหุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารทั้งสามตัวนี้ มีการนำเข้ามาจากประเทศจีน เพราะในจีนมีการเข้ามาใช้ลดภาระแรงงาน หากในภูมิภาคนี้ประเทศที่นำเข้ามาเยอะคือสิงคโปร์ เพื่อลดการนำเข้าแรงงานต่างชาติ ยิ่งในภาวะที่มีความสุ่มเสี่ยงเรื่องของโควิด-19 ด้วย
สำหรับในประเทศไทยนั้น ยังมีจำนวนหุ่นยนต์ใช้งานทั้งหมดเพียง 30 ตัว และเป็นการเปิดให้ทดลองใช้งานก่อน เพราะในไทยยังต้องมีการปรับตัวในเรื่องของการเรียนรู้ระบบการทำงาน ซึ่งบริษัทเป็นผู้นำเข้าและพัฒนาซอฟต์แวร์ให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม
คุณกษม วนิชจักร์วงศ์ BD&Marketing บริษัท ราส พอล จำกัด (RAAS PAL) หรือ ราส พอล เล่าเสริมว่า บริษัทเป็นตัวกลางในการนำเข้าหุ่นยนต์ และพัฒนาซอฟต์แวร์ให้เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจซึ่งเราจะประเมินก่อนว่าเป้าหมาย (objective) ของแต่ละบริษัทจะนำไปใช้ทำอะไรบ้าง
อย่างหุ่นยนต์รุ่นนี้นำเข้ามาจาก PUDUtech ซึ่งเป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์กับบริษัทและมีการประเมินความสามารถของหุ่นรุ่นนี้แล้วว่าความสามารถดีเยี่ยมถึงเลือกสรรมาใช้กับงานบริการของซิซซ์เล่อร์
ทั้งนี้ หุ่นยนต์อัจฉริยะทั้งสามตัวมีการเขียนซอฟต์แวร์ให้ตอบโจทย์งานของซิซซ์เล่อร์คือ พาลูกค้ามานั่ง เสิร์ฟอาหาร ร้องเพลงอวยพรวันเกิด นำจานที่ใช้แล้วไปเก็บ โดยหุ่นยนต์จะเดินในเส้นทางรัศมีที่กำหนดและไม่ชนกัน เพราะจะหยุดและแจ้งสิ่งกีดขวางที่อยู่ตรงหน้าด้วยเสียงที่มีความ user friendly ลดความขัดแย้งและสร้างความขุ่นเคืองของลูกค้าได้ด้วย
ทางด้านของค่าใช้จ่ายในการให้บริการนั้น จะเป็นการเช่าใช้งานตามระยะเวลาที่ลูกค้าต้องการเพราะหุ่นยนต์แต่ละตัวยังต้องเขียนซอฟต์แวร์ให้เหมาะสมกับงาน รวมทั้งยังใหม่กับการซื้อขาดไปบริหารจัดการเองทั้งหมดของธุรกิจไทย
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังพยายามจะนำหุ่นยนต์นี้ไปใช้งานในหลายธุรกิจสำหรับในไทยจะเป็นการเสิร์ฟอาหารของ MK, Sizzler และ S&P เป็นต้น
ทั้งนี้ หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารอัจฉริยะ “น้องสไปซี่ น้องซีซาร์ น้องชีส” พร้อมนำร่องให้บริการที่ร้านอาหารซิซซ์เล่อร์ สาขาสยามเซ็นเตอร์ เป็นแห่งแรก